top of page

พวกเราคิดไว้แล้วล่ะครับ ว่าเราคงจะไม่สามารถรวย หรือแม้แต่หาเงินจากดนตรีเป็นอาชีพได้ แต่เราก็มีความสุขที่ได้ทำเพลงที่เราภูมิใจออกมา และหวังว่าคนที่ได้ฟังนั้นจะมีความสุขร่วมไปกับเรา เพราะฉะนั้น เราจึงอยากให้ผู้ที่ฟังเพลงของเรา แฟนเพลงของเรา และคนทั่วไปที่รักในเสียงเพลง ได้เข้าใจถึงต้นทุนที่แท้จริงในการทำเพลงดีๆว่ามันไม่ใช่น้อยๆ เราอยากให้คนฟังเพลงทุกคนได้สนับสนุนศิลปินที่เขาชอบด้วยการซื้อของแท้ และเข้าใจถึงคุณค่าของดนตรีอย่างแท้จริง...

 

เพราะฉะนั้นหากคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คิดว่าอยากสนับสนุนให้เราทำเพลงที่ดีสุด และเข้าเนื้อน้อยที่สุด (เป็นความจริงที่น่าเศร้าของนักดนตรีอินดี้หลายๆวง) โปรดกดที่ปุ่ม "สนับสนุนเลย!" หรือลองอ่านเนื้อหาข้างล่างก่อนก็ได้นะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านครับ!  

ทำเพลงมันแพงตรงไหน ?!?

"เพราะเพลงมันจับต้องไม่ได้..."

สำหรับคนที่ไม่ใช่นักดนตรี คุณคิดว่ามูลค่าของดนตรีมีค่าเท่าไหร่ คุณคิดว่าซีดีอัลบั้มหนึ่งราคา 300 บาทแพงไปมั้ย หรือถ้าคิดเป็นเพลงละ 30 บาทแพงหรือเปล่า คุณแยกแยะระหว่างเพลงที่ใช้อุปกรณ์ในการอัดดีๆกับเพลงที่อัดในห้องนอนได้มั้ย แล้วคุณตีมูลค่าของดนตรีเป็นเงินเท่าไหร่ และเป็นคุณค่าทางจิตใจเท่าไหร่  

 

มูลค่าของดนตรีนั้นเป็นสิ่งที่ตีค่าเป็นเงินค่อนข้างยาก เพราะว่าดนตรีเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ฟังได้ทางหู พอเพลงจบก็หายไป แถมเดี๋ยวนี้เพลงดีๆก็หาฟังได้ง่ายและฟรีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อก็ได้ฟัง ไม่ว่าจะทางวิทยุ ทีวี หรืออินเตอร์เน็ต ฯลฯ แต่เราอยากให้คุณรู้ว่า เพลงดีๆนั้นมีต้นทุนที่สูงมาก เพราะฉะนั้นถ้าอ่านจบแล้ว อย่าลืมกลับไปสนับสนุนนักดนตรีและศิลปินที่คุณชอบโดยการซื้อสินค้าของเขา และยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมให้กำลังใจเขาด้วยนะครับ!

เริ่มจาก...เครื่องดนตรี อุปกรณ์ การเรียน และการฝึกซ้อม

"แค่ช่วงเริ่มต้น...ก็แพงแล้ว"

หมายเหตุ: ภาพจาก Stu-fe'

นักดนตรีที่เก่งๆส่วนใหญ่ เริ่มต้นมาจากการเล่นตอนอายุน้อยๆทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่ต้องเริ่มฝึกกันตั้งแต่วัยเยาว์เลยทีเดียว แล้วจะเริ่มฝึกได้ก็ต้องมีเครื่องดนตรีฝึกหัดก่อน จ้างครูสอน ใช้เวลาไปกับการฝึกซ้อม ฯลฯ กว่าจะเริ่มเก่งขึ้นมาได้

 

พอโตขึ้นมาแล้วต้องจริงจังมากขึ้น เครื่องดนตรีที่ใช้ก็ต้องดีขึ้น แพงขึ้น อุปกรณ์เสริมก็มีเยอะขึ้น ต้องใช้เวลาซ้อมนานขึ้น จะซ้อมทีก็ต้องมีค่าเดินทาง ค่าห้องซ้อม ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ

 

สรุปแล้วนักดนตรีคนหนึ่งใช้เงินไปกับเครื่องดนตรีและอุปกรณ์ รวมถึงการเดินทาง บวกเวลาที่ต้องใช้ในการซ้อมอีก พูดเลย เยอะมากจริงๆ!

 

คิดเล่นๆ: กีต้าร์หรือเบสตัวละ 20,000-50,000 บาท; เอฟเฟ็กต์ก้อนละ 3,000-10,000 บาท แล้วใช้ไม่ต่ำกว่า 4 ตัว; กลองชุดละ 70,000-200,000 บาท; คีย์บอร์ดตัวละ 25,000-100,000 บาท (เป็นค่าประมาณนะครับ)

แต่งเพลง...แล้วทำเดโม

"กว่าจะคั้นเพลงดีๆออกมาได้"

ถ้าคุณยังไม่เคยแต่งเพลง คุณอาจลองจินตนาการถึงงานของสถาปนิกดูก็ได้ครับ ตอนแรกก็ต้องทำการศึกษาว่าจะต้องทำตึกแบบไหน ใช้งานอย่างไร การแต่งเพลงก็ต้องคิดเรื่องเนื้อหา อารมณ์ เครื่องดนตรีที่จะใช้  จากนั้นก็จะต้องออกแบบตัวตึกบนกระดาษหรือคอมพิวเตอร์ เหมือนกับการแต่งตัวเพลง  จากนั้นก็ทำโมเดลออกมาเพื่อสื่อสารให้กับเจ้าของโครงการ วิศวกร และคนในทีมคนอื่นๆ ซึ่งก็คล้ายการทำเพลงเดโมที่จะต้องทำใช้เดโมในการสื่อสารกับ sound engineer, producer, mixing engineer ฯลฯ

 

การทำเดโมที่ดีจะต้องทำให้ใกล้เคียงเพลงจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในตอนนี้ก็สามารถทำได้ในราคาถูกลงด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตาม มันแปลว่าจะต้องลงทุนซื้อคอมฯ sound card, keyboard, ไมค์ อาจจะต้องลงทุนสร้างห้องอัดเล็กๆ ฯลฯ เพราะฉะนั้น ถ้าควบคุมไม่ดี งบก็อาจจะบานปลายได้นะครับ!

 

คิดเล่นๆ: คอมฯเครื่องละ 10,000-30,000 บาท; External sound card ตัวละ 5,000-10,000 บาท; ไมค์ตัวละ 5,000-50,000 บาท; โปรแกรมทำเพลง (แพงมาก แต่หลายๆคนก็ใช้โปรแกรมปลอม) และอุปกรณ์เสริม เช่น ขาตั้งไมค์ Pop filter การบุห้อง ฯลฯ

ค่าห้องอัด...มันแพงนะ...

"ค่าห้องอัด อย่างถูกก็ชั่วโมงละ 500 แล้ว"

หมายเหตุ: ภาพจาก Vintage Studio

ห้องอัดที่ดี จะต้องมีการออกแบบเป็นอย่างดี ผนังและเหลี่ยมมุมของห้องจะต้องทำให้เสียงสะท้อนไปมาน้อยที่สุด และเสียงจากภายนอกก็ต้องเล็ดลอดเข้าไปให้น้อยที่สุดด้วย นอกจากค่าก่อสร้าง การวางสายไฟ สายไมค์ ก็ยังมีอุปกรณ์การอัด คอมพิวเตอร์ หัวแอมป์ ฯลฯ สารพัดการลงทุน แต่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีอุปกรณ์และโปรแกรมการอัดเพลงที่ใช้งานง่ายและถูกลงมากว่าแต่ก่อนมาก รวมไปถึงเสียงสังเคราะห์ที่ฟังแล้วแทบจะแยกไม่ออกกับเสียงจริง อย่างไรก็ตาม เสียงที่ได้จากสิ่งเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถจะทดแทนเสียงที่เกิดขึ้นจากการใช้อุปกรณ์ดีๆในห้องอัดดีๆได้หรอก ห้องอัดที่พอจะมีคุณภาพนั้นก็มีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท บางแห่งในเมืองไทยลงทุนสูงถึง 20 ล้านบาท แล้วการทำเพลงดีๆจะทำถูกๆได้อย่างไรล่ะ จริงมั้ยครับ?

 

คิดเล่นๆ: ห้องอัดคิวละ 4,000 บาท (8 ชั่วโมง) เพลงหนึ่งประมาณ 2-3 คิว เฉลี่ยเพลงละ 8,000-12,000 บาท

มิกซ์...มาสเตอร์...

"การทำเพลงมันเป็นวิทยาศาสตร์"

หมายเหตุ: ภาพของโปรแกรม Roland R-Mix VST Mastering Software

พออัดเพลงมาเสร็จแล้ว ไม่ใช่ว่าปรับระดับความดังก็จบแล้ว เราต้องมาผ่านกระบวนการมิกซ์และมาสเตอร์ก่อน ถึงจะออกมาเป็นเพลงที่ฟังได้ เหตุผลที่จะอธิบายง่ายๆเลยก็คือ อุปกรณ์ทั้งหลายที่ใช้ในการอัดเสียง บันทึกเสียง และถ่ายทอดเสียงที่บันทึกออกมาเป็นคลื่นเสียงอีกทีนั้น เป็นการเลียนแบบธรรมชาติ คือการเล่นสดๆ เพราะฉะนั้นเสียงที่ออกมาจากเสียงบันทึกนั้นมันต้องมีการปรุงแต่งให้ออกมาเป็นธรรมชาติอีกรอบ ซึ่งการปรุงแต่งนี้ต้องทำโดยคนที่เชี่ยวชาญจริงๆ ซึ่งถ้าทำเองไม่ได้ก็แปลว่าจะต้องมีค่าจ้างครับ!

 

คิดเล่นๆ: ค่าจ้างมิกซ์เพลงราคากันเอง 4,000-5,000 บาท ค่ามาสเตอร์ก็บวกไปอีกเท่าตัว ถ้าต้องจ้างราคาเต็มก็เป็นเพลงละหมื่นแล้วล่ะครับ!

สุดท้าย...ค่าปั๊ม CD

"คนชอบคิดว่าต้นทุนของซีดีมีแค่ค่าปั๊มแผ่น"

ค่าปั๊มซีดีต่อแผ่นนั้น จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่งผลิต ถ้าผลิตเยอะก็อาจจะถูกถึงแค่แผ่นละ 20 บาท ถ้าผลิตน้อยก็อาจจะเหยียบร้อยได้ แต่ถ้าสั่งมาเยอะแล้วขายไม่หมด ทุนก็จม กำไรก็หดหรือขาดทุนไปเลยก็ได้ คนทั่วไปอาจจะชอบคิดว่าต้นทุนซีดีมันไม่เยอะหรอก แต่ก็จะลืมไปว่าสิ่งที่มันแพงก็คือการผลิตตัวเพลงขึ้นมาต่างหากล่ะ เพราะฉะนั้นเวลาซื้อแผ่นซีดี อย่าคิดว่ามันแพงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าการผลิตแผ่นซีดีนะครับ ให้เปรียบเทียบกับการลงทุนตั้งแต่ต้นจนจบออกมาเป็นเพลงที่สำเร็จแล้วดีกว่า แล้วจะรู้สึกว่าเงินที่คุณซื้อแผ่นซีดีมานั้นมันคุ้มมากจริงๆครับ!

 

คิดเล่นๆ: ต้นทุนปั๊มแผ่นซีดีแผ่นละ 20-80 บาท แต่การลงทุนอัดเพลงที่ไม่รวมอุปกรณ์ส่วนตัวทั้งหมดของนักดนตรีก็ 12,000-17,000 บาท (คิดแบบถูกที่สุด) ขึ้นไปแล้ว เพราะฉะนั้น คิดแบบถูกที่สุด ถ้าทำออกมาอัลบั้มละ 10 เพลง ก็ 120,000 บาท ปั๊มซัก 1,000 แผ่น (วงอินดี้ได้ 1,000 แผ่นก็เก่งมากๆแล้ว) แผ่นละ 20 บาท รวมต้นทุนได้ 140,000 บาท ตกแผ่นละ  140 บาท ถ้าขายแผ่นละ 300 บาท จะต้องขายให้ได้อย่างน้อย 467 แผ่นถึงจะไม่ขาดทุน ถ้าขายหมดก็ได้กำไร 160,000 บาท หารกับสมาชิกอีก 4 คน ทำอย่างเก่งปีละ 1 อัลบั้ม สรุปได้เงินคนละ 40,000 บาทต่อปี นี่ขนาดคิดแบบไม่หักค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค (และค่าเครื่องดื่ม) นะครับ!

แล้วค่าทำซิงเกิ้ลใหม่ของ Cigarette Launcher ล่ะ?

"เราไม่ได้แสวงหากำไร เราแสวงหาความสุขส่วนตัวที่เข้าเนื้อเราน้อยที่สุด เท่านั้นเอง..."

พวกเราคิดไว้แล้วล่ะครับ ว่าเราคงจะไม่สามารถรวย หรือแม้แต่หาเงินจากดนตรีเป็นอาชีพได้ แต่เราก็มีความสุขที่จะทำเพลงที่เราภูมิใจออกมา และหวังว่าคนที่ได้ฟังนั้นจะมีความสุขร่วมไปกับเรา จึงหวังแค่ว่าจะเข้าเนื้อน้อยที่สุด หรือได้กำไรบ้างเพื่อไปเลี้ยงข้าวเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ได้ให้ความช่วยเหลือพวกเราครับ

 

วงเราไม่ใช่วงดัง จึงคิดว่าขายซีดีได้อย่างมากไม่น่าเกิน 500 แผ่น ต้นทุนของเราที่คิดแบบไม่รวมอุปกรณ์ใดๆ เป็นค่าห้องอัด (4 คิว = 16,000 บ.) มิกซ์ (10,000 บ.) มาสเตอร์ (10,000 บ.) และผลิตซีดี (40 บ./แผ่น = 20,000 บ.) รวมแล้วน่าจะราวๆ 56,000 บาท หรือแผ่นละประมาณ 112 บาท จึงคิดว่าอยากขายในราคา 150-200 บาท เพื่อจะเผื่อส่วนที่ต้องแจกฟรีให้กับสถานีวิทยุและผู้มีพระคุณ จ่ายส่วนแบ่งให้กับร้านที่นำไปฝากขาย และค่าส่งซีดีทางไปรษณีย์ (และเผื่อขายไม่หมดด้วยล่ะครับ T_T)

 

ถ้าชอบผลงานของเราแล้ว ช่วยสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับผม ขอบคุณมากครับ!

 

พาย & หนุ่ม วง Cigarette Launcher

Please reload

© 2014 by Cigarette Launcher. Proudly created with Wix.com

bottom of page